เปิดร้านขายน้ำเต้าหู้ สร้างรายได้ดีแค่ไหน?
สิ่งที่ควรมีก่อนคิดเปิดร้านขาย น้ำเต้าหู้
1.ทำเลในการขาย เรื่องของทำเลเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก เราต้องมีทำเลที่คนพลุ่กพล่าน คู่แข่งไม่มาก ส่วนใหญ่เลือกทำเลตลาดเช้า ตลาดเย็น หรือบางคนมีบ้านอยู่ในย่านชุมชนก็ให้หน้าบ้านตัวเองให้เป็นประโยชน์ได้
2.มีสูตรการทำที่ได้คุณภาพ อย่าคิดว่าการทำน้ำเต้าหู้เป็นเรื่องง่าย นึกจะทำก็ทำได้ หากเราต้องการทำจำหน่าย ก็ต้องใส่ใจในเรื่องรสชาติ ให้ลูกค้ารู้สึกประทับใจกับสินค้าของเราด้วย
3.รูปแบบร้านและโลโก้ สิ่งที่เห็นส่วนใหญ่คือร้านขายน้ำเต้าหู้จะไม่เน้นแบรนด์ เป็นการเปิดร้านแบบทั่วๆไป ซึ่งสมัยนี้การมีแบรนด์เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เราต่อยอดการตลาดได้ง่ายขึ้นด้วย
4.รู้จักประยุกต์ใช้การตลาดออนไลน์ การขายน้ำเต้าหู้ที่มีช่องทางเพียงแค่หน้าร้านอาจไม่เพียงพอกับการสร้างรายได้ในยุคนี้ เราควรขยายตลาดไปในช่องทางออนไลน์เพื่อเพิ่มโอกาสในการขายได้มากขึ้น
5.สินค้าต้องมีความหลากหลาย นอกจากน้ำเต้าหู้ธรรมดา เราควรมีเมนูที่ต่อยอดเป็นซิกเนเจอร์ของร้าน หรือเป็นเมนูที่พัฒนาให้ถูกใจลูกค้าเช่นน้ำเต้าหู้ชาเขียว , น้ำเต้าหู้ปั่น เป็นต้น
วัตถุดิบที่ต้องใช้ในการทำน้ำเต้าหู้ วัตถุดิบพื้นฐานที่ใช้ ประกอบด้วย
ถั่วเหลือง , น้ำตาลทรายขาว , เกลือป่น , น้ำสะอาด และนอกจากวัตถุดิบก็มีอุปกรณ์ ได้แก่ ผ้าขาวบาง เครื่องปั่น หม้อ เป็นต้น
วิธีทำน้ำเต้าหู้อย่างง่าย
แช่ถั่วเหลืองไว้ประมาณ 6 ชั่วโมง หลัง 6 ชั่วโมงแล้วนำถั่วเหลืองกรองด้วยตะกร้าเพื่อสะเด็ดน้ำออก นำถั่วเหลืองไปปั่นในเครื่องปั่น ขณะปั่นให้ใส่ถั่วลงไปประมาณครึ่งโถปั่น ใช้เวลาปั่นประมาณ 2-3 นาที นำถั่วเหลืองไปใส่หม้อ แล้วใช้ผ้าบางขาวกรองกากถั่วเหลืองออก เมื่อปั่นถั่วเหลืองจนหมดแล้วให้นำน้ำเต้าหู้ที่ได้จากการกรองแล้วไปกรองด้วยผ้าขาวบางอีกครั้ง จากนั้นนำน้ำเต้าหู้ไปตั้งไฟจนเดือด โดยในขั้นตอนนี้ให้เปิดไฟแรง แล้วคนไปเรื่อยๆ เมื่อน้ำเต้าหู้เดือดแล้วหรี่ไฟลงจากนั้นปรุงรสด้วยเกลือ ไม่ต้องใส่น้ำตาล เพราะน้ำตาลเอาไว้รอลูกค้าสั่งอีกทีว่าจะเอาหวานปกติ หวานน้อย หวานมาก ค่อยใส่ตอนนั้น หลังปรุงรสด้วยเกลือป่นเพิ่มไฟให้แรงอีกครั้งแล้วคนไปเรื่อยๆ เมื่อน้ำเดือดก็ทำการปิดไฟ เป็นอันเรียบร้อย น้ำเชื่อม นำน้ำตาลมาเคี่ยวกับน้ำให้ข้น เพื่อให้ได้น้ำเชื่อมเติมภายหลัง
คำนวณต้นทุน-กำไร
จากการขายน้ำเต้าหู้ การเปิดร้านน้ำเต้าหู้อาจดูว่าใช้ต้นทุนไม่มาก แต่เราก็ควรคิดคำนวณให้ชัดเจน โดยต้นทุน-กำไรเบื้องต้นได้แก่ ถั่วเหลือง 1 กิโลกรัม ต้นทุนอยู่ที่ 40 บาท น้ำตาลทราย 350 กรัม ต้นทุนประมาณ 8 บาท และเกลือป่น 1 ช้อนชา ต้นทุนประมาณ 1 บาท ค่าแก๊สประมาณ 9 บาท รวมเป็นเงินประมาณ 58 บาท โดยถั่วเหลือง 1 กิโลกรัมสามารถทำน้ำเต้าหู้ได้ประมาณ 30-35 ถุง ถ้าขายถุงละ 8 บาท สร้างรายได้ประมาณ 240- 280 บาท หักต้นทุนเหลือกำไรประมาณ 182- 222 บาท เป็นต้น
ต่อยอดน้ำเต้าหู้ ใส่ไอเดีย เพิ่มมูลค่าการขาย
การขายน้ำเต้าหู้แบบทั่วไปกำไรประมาณ 180-200 บาท/ถั่วเหลือง 1 กิโลกรัม ซึ่งสิ่งที่ต้องยอมรับคือรายได้ส่วนนี้ถ้าเราต้องมีการจ่ายค่าเช่าก็อาจไม่เพียงพอกับต้นทุนที่สูงขึ้น และน้ำเต้าหู้ไม่ใช่สินค้าที่ขายดีตลอดทั้งวัน เราจึงต้องพัฒนาสินค้าให้ดูน่าสนใจใส่ไอเดียเพื่อเพิ่มยอดขาย โดยมีผู้ประกอบการหลายคนที่แตกไลน์ผลิตน้ำเต้าหู้ให้ดูน่าสนใจ เช่นการทำน้ำเต้าหู้ปั่นที่ราคาขายแก้วละ 20 บาท หรือเป็นเต้าหู้ปั่นทรงเครื่องแก้วละ 25 บาท น้ำเต้าหู้ปั่นชาไทย ชาเขียวและงาดำ แก้วละ 25 บาท น้ำเต้าหู้ปั่นงาดำในเครื่อง 30 บาท และน้ำเต้าหู้ปั่นถั่ว 5 สี ราคาแก้วละ 30 บาท เป็นต้น หรือเราอาจพัฒนาแพคเกจจิ้งให้ดูน่าสนใจ ดูสะอาด พกพาง่าย โดยอาจทำน้ำเต้าหู้บรรจุขวด โดยควรเลือกขวดแก้วที่ทนความร้อนถึงเพื่อป้องกันการเกิดปฏิกิริยากับอาหารที่บรรจุ ฝาขวดทนความร้อนและความดันได้ดี อาจวางจำหน่ายในราคาได้ขวดละ 30-40 บาท
และแม้ว่าการลงทุนทำบรรจุขวดหรือการต่อยอดเมนูน้ำเต้าหู้ จะเป็นการเพิ่มต้นทุนให้เรา แต่เมื่อคิดถึงสัดส่วนของยอดขายที่เพิ่มขึ้น และโอกาสในการเติบโตที่มากขึ้น ก็ถือว่าน่าสนใจไม่น้อย ทั้งนี้คนที่อยากเปิดร้านขายน้ำเต้าหู้ ควรสร้างเอกลักษณ์ และมีจุดเด่นในความเป็นตัวเอง เพื่อให้ลูกค้าได้รู้จัก และสนใจสินค้าของเรามากขึ้น น้ำเต้าหู้ถือเป็นเครื่องดื่มสุขภาพที่ยังไงก็ขายง่าย ขายดี เพียงแค่เรารู้จักประยุกต์ทำการตลาดให้เข้าถึงผู้บริโภคได้มากที่สุด
ข้อมูลจาก
http://link..
บริษัท ห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด หรือ CENTRAL LAB THAI ให้บริการตรวจวิเคราะห์ต่างๆ
ทั้งผลิตภัณฑ์อาหาร และ ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่อาหาร
เลือกตรวจวิเคราะห์ออนไลน์กับเราได้ที่
เมนูหลักเลือกตรวจวิเคราะห์
โดย admin 2565/09/27 15:13:07
อ่าน: 285, ความเห็น: 0,
e
ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ