ทำ แคบหมู ขาย ต้องตรวจอะไรบ้าง
แคบหมู หมายถึง ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากหนังหมู อาจมีชั้นไขมันแข็งอยู่ด้วยก็ได้ ตัดเป็นชิ้นตามต้องการ นำไปต้มแล้วทำให้แห้งด้วยแสงแดดหรือแหล่งพลังงานอื่น หรืออาจนำไปเคี่ยวด้วยไฟอ่อนๆ แล้วนำไปทอดอาจปรุงรสด้วยเครื่องปรุงรส เช่น เกลือ ซีอิ๊ว เครื่องปรุงรสอื่นๆ ด้วยก็ได้
คุณลักษณะที่ต้องการ
ต้องมีขนาดชิ้นและการพองตัวสม่ำเสมอ อาจแตกหักได้เล็กน้อย ไม่มีส่วนที่เป็นขนหมูติดอยู่
สีต้องมีสีที่ดีตามธรรมชาติของส่วนประกอบที่ใช้ ไม่มีรอยไหม้ ต้องมีกลิ่นรสที่ดีตามธรรมชาติของส่วนประกอบที่ใช้ ปราศจากกลิ่นอื่นที่ไม่พึงประสงค์ เช่น กลิ่นอับ กลิ่นหืน ลักษณะเนื้อสัมผัสต้องกรอบ ไม่เหนียว ไม่เเข็งกระด้าง
สิ่งแปลกปลอม
ต้องไม่พบสิ่งแปลกปลอมที่ไม่ใช่ส่วนประกอบที่ใช้ เช่น เส้นผม ดิน ทราย กรวด ชิ้นส่วนหรือสิ่งปฏิกูลจากสัตว์ เช่น แมลง หนู นก
วัตถุเจือปนอาหาร
ห้ามใช้วัตถุกันเสียและสีทุกชนิด หากมีการใช้วัตถุปรุงแต่งกลิ่นรสให้ใช้ได้ตามชนิดและปริมาณที่กฎหมายกำหนด บิวทิเลเตดไฮดรอกซีอะนิโซล (butylated hydroxyanisole) และบิวทิเลเตดไฮดรอกซีโทลูอีน (butylated Hydroxytoluene) อย่างใดอย่างหนึ่งหรือรวมกันต้องไม่เกิน 50 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ความชื้นต้องไม่เกินร้อยละ 2.5 โดยน้ำหนัก จุลินทรีย์ จำนวนจุลินทรีย์ทั้งหมด ต้องไม่เกิน 1 × 104 โคโลนีต่อตัวอย่าง 1 กรัม ยีสต์และราต้องไม่เกิน 100 โคโลนีต่อตัวอย่าง 1 กรัม
สุขลักษณะ
สุขลักษณะในการทำแคบหมู ให้เป็นไปตามคำแนะตาม GMP
การบรรจุ
ให้บรรจุแคบหมูในภาชนะบรรจุที่สะอาด แห้ง ผนึกได้เรียบร้อย และสามารถป้องกันการปนเปื้อนจากสิ่งสกปรกภายนอกได้
น้ำหนักสุทธิของแคบหมูในแต่ละภาชนะบรรจุ ต้องไม่น้อยกว่าที่ระบุไว้ที่ฉลาก
เครื่องหมายและฉลาก
ที่ภาชนะบรรจุแคบหมูทุกหน่วย อย่างน้อยต้องมีเลข อักษร หรือเครื่องหมายแจ้งรายละเอียดต่อไปนี้ให้เห็นได้ง่าย ชัดเจน
(1) ชื่อเรียกผลิตภัณฑ์ เช่น แคบหมูติดมัน แคบหมูไร้มัน
(2) น้ำหนักสุทธิ
(3) ข้อแนะนำในการเก็บรักษา
(4) วัน เดือน ปี ที่ทำ และวัน เดือน ปีที่หมดอายุ หรือข้อความว่า "ควรบริโภคก่อน (วัน เดือน ปี ) "
(5) ชื่อผู้ทำ หรือสถานที่ทำ พร้อมสถานที่ตั้ง หรือเครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียน
ในกรณีที่ใช้ภาษาต่างประเทศ ต้องมีความหมายตรงกับภาษาไทยที่กำหนดไว้ข้างต้น
การผลิตแคบหมู
วิธีการผลิตแคบหมูมีขั้นตอนคือ
1. นำหนังสุกรมาต้มในน้ำเดือด ทำให้คอลลาเจน ซึ่งเป็นโปรตีนส่วนใหญ่ในหนัง จะกลายเป็นเจลาติน (gelatin) ซึ่งเกิดเป็นโครงสร้างที่กักความชื้นไว้ภายใน
2. ต่อมาจึงเคี่ยวหนังในน้ำมันที่มีอุณหภูมิไม่สูงนักเพื่อ ทำให้ผิวหน้าของหนังมีความแข็งขึ้นซึ่งจะช่วยให้สามารถทนต่อแรงดันที่เกิดขึ้นในขณะพองตัวได้ดี
3. การเคี่ยวเป็นการลดความชื้นของหนังลงเพื่อให้มีความชื้นภายในที่เหมาะสมในการพองตัว
4. การทอด (frying) เมื่อเคี่ยวไปจน ผิวหน้าของหนังหมูแข็งตัวแล้ว จึงนำหนังหมูไปทอดให้พองตัวในน้ำมันที่ร้อนจัด ซึ่งจะทำให้ไอน้ำที่ถูกกักไว้ในเจลาตินเกิดการขยายตัวอย่างรวดเร็ว และเกิดแรงดันขึ้นภายในดันให้หนังเกิดการพองตัว และเนื่องจากการมีผิวหน้าที่แข็ง จึงช่วยให้โครงสร้างของแคบหมูไม่ยุบตัวลงในระหว่างการทอดให้พองและยังคงมีความกรอบหลังการทอด
ข้อมูลจาก
http://link..
บริษัท ห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด หรือ CENTRAL LAB THAI ให้บริการตรวจวิเคราะห์ต่างๆ
ทั้งผลิตภัณฑ์อาหาร และ ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่อาหาร
เลือกตรวจวิเคราะห์ออนไลน์กับเราได้ที่
เมนูหลักเลือกตรวจวิเคราะห์
โดย admin 2565/10/01 14:29:58
อ่าน: 267, ความเห็น: 0,
e
ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ